สัมมนา ฟัง วิเคราะห์ลงทุน เพื่อให้คุณคิดได้อย่างเซียน

Credit: amornkowa @ThaiVI

คนแรก เสี่ยปู่ สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล เคยรับราชการที่สภาพัฒน์ เป็นคนชอบเสี่ยง มาดูตลาดหุ้นที่สยามเซ็นเตอร์แล้วชอบมาก คิดว่าอนาคตต้องเป็นนักลงทุนให้ได้ สุดท้ายก็ลาออกมาลงทุนเต็มตัว เริ่มจากการเก็งกำไร แรกๆไม่มีความรู้ เจอ Black Monday หมดตัว หยุดพักเป็นปี หาเงินเล็กๆน้อยๆตามตลาด กลับมารอบที่2 ช่วงนั้นเป็นนักเก็งกำไรเหมือนเดิม ไม่มีแนวลงทุนอื่น ช่วงแรกที่ขาดทุนนั้น
ดัชนีดาวโจนท์ตกลงจาก 2200 เหลือแค่ 1700 จุด ในวันเดียว ความไม่รู้มันเยอะ เงินฝรั่งตอนนั้นมีอิทธิพลมาก ซื้อขายตามฝรั่ง ตอนนั้น floor แค่ 10% Floor เป็นเดือน ช่วงนั้นมีเงิน Margin 30% ซื้อได้ 100% ภาพตลาดตอนนั้น อยู่รอดได้ยาก
รอบใหม่เก็งกำไร สภาวเศรษฐกิจเติบโตอยู่มาก financeลงจาก 100 มาเหลือแค่ 10-20% พอประมาณผลการดำเนินงานดีมากๆ ราคาก็กลับขึ้นมา Ceiling 10% พรุ่งนี้ก็ขึ้นต่อ ตอนนั้นตลาดยังเติบโต เข้ามาจังหวะดี
Q: เข้าตลาดถูก ลงทุนหลังประสบความสำเร็จ ช่วงไหนเป็นวิกฤต ผ่านมาได้อย่างไร
A: วิกฤตช่วงเดียวคือ Black Monday สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนคือ หุ้นธนาคาร และ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ตอนนั้นราคา ธนสยาม
จาก 140 บาท ลงเหลือ 44 สตางค์ ไม่ผิดครับ 44 สตางค์จริงๆ ได้คุยกับเพื่อนที่เทรดที่ KK ว่า คุณวิเชียร เจียกเจียม ผู้บริหารขณะนั้นมั่นใจในระบบมาก ไม่ล้มแน่นอน เลยเลือกลงทุนใน KK ที่ราคา Floor ซื้อสวนตลาดไป 50 ล้านหุ้น ราคา 0.90 บาท
ด้วยความที่เป็นนักเก็งกำไร เลยขายไปช่วง 3-5 บาทจนหมด ปรากฎว่า ไม่นานก็มีการแจก KK C1 ราคา 2.30 บาท และราคาก็ขึ้นไปตลอด หลังจากนั้น1ปี ราคาขึ้นไป 80 กว่าบาท รู้สึกเสียดายและเสียใจ ทำไมไม่ศึกษาหาความรู้ เพื่อถือหุ้นที่ดี
ต่อมาคุณมนตรี เอาหนังสือ วาระของวอร์เรน มาให้ อ่านวางไม่ลงไปหลายรอบ และเปลี่ยนการลงทุนมาเป็น วีไอ ตอนแรกไม่มีความรู้ แต่ด้วยประสบการณ์ไม่ดีพอ ลงทุนผิดพลาดอยู่บ่อยๆ สุดท้ายคือการเรียนรู้ ผมเชื่อในผู้บริหาร ซื่อสัตย์ บริษัทที่ดี ทำกำไรให้ผู้ถือหุ้น เชื่อว่าการลงทุนระยะยาวสร้างผลตอบแทนให้กับport ได้
Q: มองว่า Sector ไหนดีคะ
A: มองหุ้นไม่มองSector ดูหุ้นที่กำไรเติบโตเร็วแทน หุ้นที่เราถืออยู่กำไรเติบโตโดดเด่นมาก แต่ผ่านมา หุ้นก็ขึ้นเร็ว PE สูง
กำลังปรับฐาน ในที่สุดกำไรก็โตเรื่อยๆ สุดท้าย ราคาสะท้อนไปในราคาหุ้นเอง เชื่อมั่นในพื้นฐาน ถึงแม้ราคาหุ้นลงมาเยอะ แต่สุดท้ายราคาก็กลับขึ้นไปได้ ส่วนใหญ่หุ้นGrowth ราคาไปเร็ว ตอนนี้ราคาย้อนกลับถอยลงมา PE ก็ต่ำลงเรื่อยๆ สุดท้ายราคาก็กลับไปได้ หาจังหวะซื้อ ถ้าช่วงนี้ยังแพงอยู่ ก็ทยอยซื้อ

คนที่ 2 เซียน นเรศ งามอภิชน
เริ่มต้น จากทัศนคติไม่ดีต่อตลาดหุ้น อ่านหนังสือพิมพ์ พบว่า นักลงทุนในฮ่องกง กระโดดตึก เพราะเจ๊งจากหุ้น
หลักสูตรที่เรียนตอนปริญญาโท ที่สหรัฐ มีเรื่องการลงทุนในหุ้นด้วย
เริ่มต้นการลงทุนแบบเก็งกำไร ไม่มีใครพูดถึงการถือหุ้นระยะยาว กำไรบ่อยครั้งมากกว่าขาดทุน แต่ขาดทุนครั้งเดียวก็เป็นจำนวนมากๆ กำไรหายหมด ตอนตลาดเปลี่ยนมาใช้คอมเทรด ความได้เปรียบตอนเคาะกระดานไม่มีแล้ว เลยหาวิธีการลงทุนใหม่ เราไปยืนออกันที้ชั้น3 อาคารสินธร ส่องกล้องดูTrader ของขาใหญ่ที่อยู่ชั้นล่างว่ารับorder ซื้อ ขายกันอย่างไร เราก็ส่งคำสั่งซื้อ ขายตามรายใหญ่ไป ถ้ารายใหญ่ซื้อ หุ้นก็จะขึ้น ถ้ารายใหญ่ขาย หุ้นก็จะลง
ตอนเก็งกำไรไม่ทราบว่ามีอาชีพนักวิเคราะห์ เพราะไม่ได้ศึกษาปัจจัยพื้นฐาน พอมาเทรดด้วยคอม เลยต้องคุยกับนักวิเคราะห์ โดยการแนะนำจากผู้จัดการ ผมเป็นนักลงทุนเต็มเวลา เข้า 9 โมง เลิกประมาณ 5 โมงเย็น Fundamental ดูตลอด อาการหุ้น โอกาสพลาดน้อย ผมไม่ใช่นักเทคนิค อาศัยนักวิเคราะห์พื้นฐานเอามาให้ มองออก ผมมักจะจินตนาการออกว่าจะพัฒนาไปอย่างไร อย่างยุดดัชนี 1700 วิ่งจาก 900 เพียง 3 เดือน หยุดสิ้นปีมีความสุขมาก เพื่อนๆคิดว่าน่าจะไปถึง 2500 จุด วันแรกโดดไป 17xx เจอแรงขายอย่างรุนแรง เลยมองออกชัดว่ารอบนี้ คงจบด้วยการเสียหายมากมาย เลยขายออกไป และเก็บตัวสี่ปี
มาเข้าตอนดัชนี 400 คิดว่าน่าจะตกพอแล้ว ประมาณ 5 ล้านบาท ปรากฎว่าตกต่อถึง 204 จุด ขาดทุนเหลือ 3 ล้านบาท แต่เมื่อดัชนีกลับไปที่ 400 กว่าจุด portโตเป็น170 ล้านบาท ผมมองออกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เห็นภาพชัด พัฒนาการต่อไปอย่างไร
มีอยู่ครั้งนึง กลต เปิดเสรีค่าคอม คิดว่าน่าจะวิบัติ แต่สื่อ หรือ กลตไม่มีใครมาพูดเรื่องนี้ นโยบายใช้ได้ไม่ถึงปี ก็เลิกไป เพราะทำให้คนตกงาน ตลาดหุ้นตกระเนระนาด
ถ้าผมถือเงินสด บางครั้งจะรู้สึกไม่สบายใจ ปีนี้ลงทุนตลอด คิดว่าภาวะตลาดเป็นอย่างไร ก็มีหุ้นที่ซื้อขาย ช็อตเด็ด อาจดูว่า
เวลาตัดสินใจซื้อตัวไหน จำนวนเท่าไหร่ มากๆ เวลาขายจะคิดขายจำนวนมากๆ เวลาขายแล้วหุ้นไม่ลงได้ หรือ ซื้อเยอะๆ ตามราคาที่ตั้งใจไว้ ปกติจะทำราคาหุ้นไม่ไปไหน
เทรนอุตสาหกรรมที่มาแรง คือ พลังงานทดแทน ลงมา 2-3 ปี เชื่อว่าเป็นเทรนต่อเนื่องไปอีก 10 ปี ดูหุ้นแต่ละตัวปรับเปลี่ยนไปตลอด จุดแรก พลังงานทดแทนชนิดไหน ได้รายได้ดีที่สุด คือ ขยะ สร้างผลตอบแทนสูงมาก เลือกหุ้นที่เป็น1ในกลุ่ม

คนที่ 3 ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

เรียนที่โรงเรียนวัด จบปริญญาตรี หาเงินเลี้ยงครอบครัว ส่วนตัวไม่ชอบเก็งกำไร กลัวความเสี่ยง ทำงานในสายวิศวกร ไม่รู้จักหุ้น ทำมาเรื่อยๆ ไปต่อปริญญาโท และ เอก กลับมาก็แต่งงานเลย เป็น Step ของคนชั้นกลาง ชีวิตก็ไปเรื่อยๆ ช่วงแรกลงทุนกับการศึกษา รายได้มากขึ้น มีโอกาสทางการเงิน และ เรื่องการลงทุน พยายามพัฒนาตนเอง เป็นวิศวกรสักพัก เงินเดือนก็ขึ้นช้า
มีหน้าที่เป็น back office เลยคิดว่าเป็น Marketing man น่าจะดี แต่ไม่ได้ เลยหางานใหม่ ดิ้นรนไปเรียนปริญญาโทและเอก ไม่มีเงินสักบาท มีแค่ค่าเครื่องบินขาไป ขากลับต้องทำงาน ให้มีค่าเครื่องขากลับด้วย จบปริญญาเอก เข้าทำงานในหลายสถาบัน สุดท้ายมาทำงานที่บงล เพราะช่วงนั้น บงล เปิดแผนก IB เอาหุ้นเข้าตลาด ไม่มีคนทำด้านนี้เลยผันตัวเองมาทำ IB
ช่วงนั้นเล่นเก็งกำไรไปวันๆ โดยธรรมชาติเล่น 1-2 เดือน ก็ขาย บางทีมีหุ้นจองให้พนักงานด้วย 200-300 หุ้น เป็นที่มาของการสัมผัสตลาดหุ้น แต่ไม่ชอบความเสี่ยง พอวันนึง เงินเดือนดีมาก คิดว่าเส้นทางชีวิต 40 กว่าปี มีภรรยา ลูกเรียนหนังสือ ไม่มีโอกาสเสี่ยงอีกแล้ว บังเอิญโชคไม่เข้าข้าง Finance เจ็งกันทั่วประเทศ เราถูกให้ออกจากงาน วันนั้นเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต เกิดปัญหา แต่กลายเป็นโอกาสให้เราเปลี่ยน หางานยากไม่มีคนจ้าง เพราะสถาบันการเงินโดนปิดหมด ก่อนเกิดการยื่นซองขาว
เราเป็นพนักงานบล โบรคเกอร์เอาเงินตัวเองไปลงทุน เรามีหน้าที่ทำการลงทุน เริ่มศึกษาหาทางค้นคว้าวิชาการ ได้ความรู้ Value Investor ในปี 2538-2539 เป็นที่มาของการลงทุนวีไอ มีภาระจากพ่อ แม่ เมีย ลูก จะกินอย่างไร
เอาเงินทั้งหมดไปลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อรับเงินปันผล เพราะการซื้อและหวัง capital gain ยาก ขายให้คนอื่นซื้อไม่มีทาง
เราซื้อเพราะเงินปันผลไว้เก็บกิน
Q: เจอวิกฤต เรื่องการถือหุ้นแบบวีไอครั้งไหน
A: ดัชนีลงไปในปี 2540 ย้อนไปที่ดัชนี 800 จุด และลงไปในปี 40 ,41 ดัชนี 204 จุด
ลงทุนแบบวีไอ ศึกษาธุรกิจ ถ้าดี ราคาเป็นไงก็ไมแคร์ บริษัทมั่นคง กินเงินปันผลไป
จากดัชนีร่วงจาก 800 ไปที่ 204 จุด หุ้นที่ซื้อกลับขึ้นนิดหน่อย หรือ ทรงตัว หุ้นขึ้นทุกปี เพราะว่าไม่มีคนขายแล้ว
ไม่มี volume กำไรดี จ่ายปันผล มันเลยไม่ลง เริ่มยุคใหม่ของวีไอ หุ้นดี ตลาดลงก็ยังขึ้นได้ เพราะมีกำไรมาsupport
และ Volumeไม่ค่อยมี ไม่ใช่หุ้นที่คนเล่นกันมาก เกิดนักลงทุนรุ่นใหม่ เปลี่ยน concept ใหม่
เริ่มยุคใหม่ในการลงทุน ใน RMF , LTF , Provident fund หุ้นวีไอยังหาไม่ยากจนถึงปีที่แล้ว เริ่มไม่ค่อยดี
หุ้นที่ซื้อไม่ค่อยเจอหุ้นไม่ดี มีการขยายงาน สาขาไปเรื่อยๆ เปิดทุกไตรมาส ก็โตมาหลายปีก่อนเราซื้อ เปิดสาขาทุกวันไม่มีทางลงได้ นับดูถือหุ้นกว่า 10 ปีจึงขาย ตลาดลงมาแรงๆ หุ้นในปี 2008 ลงแค่ 10กว่า % ปีก่อนกำไรมาเยอะแล้ว ปล่อยให้มันโตขึ้นเรื่อยๆ มีหลายบริษัทไม่เดือดร้อน แต่ฝรั่งขาย ไม่มีคนซื้อ เลยลง และกลับมาซื้อหุ้นตัวเดิมในภายหลัง
ซื้อแล้วทิ้งไว้ ตราบใดที่บริษัทยังโตอยู่ ก็ยังถือต่อไม่ได้ มีการบันทึกการลงทุนtrack ทุกปี 5 ปีนี้ขายไป 4-5 ตัว และ ซื้อหุ้นเล็กๆมา 2 ตัว ตอนนี้ได้ผ่านยุควีไอแล้ว จะทำกำไรเหมือนยุคทองก็ยาก คนเราดวงชะตาก็มีส่วนเยอะ
Q: ภาพใหญ่ตลาดยังไม่ดี เห็นด้วยไหม เทรนอนาคตเป็นอย่างไร
A: ตอนนี้คิดว่าหุ้นไทยเกือบทุกตัวมีความเสี่ยง ไม่คาดการณ์อนาคต หุ้นไทย 2-3 ปีก่อนดี ต้องมั่นใจอีก 3-4 ปี ต้องดีขึ้น
ต้องหาหุ้นแบบนี้ ไม่ต้องกลัวว่าหุ้นจะไม่โตขึ้น
แต่ถ้าเศรษฐกิจแย่ยาวๆ พอถึงจุดนั้นก็ยากขึ้นเยอะ บริษัทที่ dominant สินค้าประเภทนึง เศรษฐกิจไม่ดี บริษัทก็ไปยาก
หายาก อาจต้องกิน Market share ของคนอื่น เป็นความหวังอันหนึ่ง ว่าสามารถกินคนอื่นได้ ก็น่าจะซื้อลงทุนได้
ต้องเปรียบเทียบในแต่ละอุตสาหกรรม อีก 3-5 ปี บางอุตสาหกรรม อาจไม่โตเลย บางอุตสาหกรรมไปแย่งคนอื่นมา
ถ้า 3 ปีที่ผ่านมากินมาตลอด 3ปีข้างหน้า ก็กิน market share คนอืนได้
ถ้าราคาหุ้นสูงลิ่ว ก็ไม่เอาด้วย ตัดไปและตัดมา เหลือหุ้นน้อยมาก
ถ้าราคาหุ้นลงมา เห็นหุ้นแบบนี้ ราคา reasonable แต่ไม่เห็นและอยู่เฉยๆดีกว่า
ถ้าหุ้นบางตัวลงมามากกว่าปกติ ก็สนใจ แต่ถ้าตลาดลงมาหมด จ้องดุ หรือ หาซื้อที่ไหนบ้าง

เซียนคนที่ 4 เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง
เริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 19 ปี มาเจอ Technical เลยเอามาเป็นหลักยึด ทุกคนอยากรวยเร็ว หน้าตาไม่หล่อ เป็นดาราไม่ได้ ใครจะเรียกเราไปถ่ายแบบ สมัยก่อน เคยทำงาน salesman ขายไม้ให้ที่บ้าน อยากได้มือถือ เลยทำงานแลกกับมือถือ ขอเงินก้อนแรกไปลงทุน สมัยนั้นออมทรัพย์ 12% หากินง่ายมาก เจอแฟนหลังจบเอแบค มี 5 ล้านบาทฝากออมทรัพย์ไว้ เดือนละ10,000 กว่าบาท ปัจจุบันไม่รู้จะกินอะไร ได้น้อยมากๆ คิดมาตลอดว่าอยากรวย ต้องการพันล้าน คิดในใจไม่บอกใคร เดี๋ยวจะหาว่าบ้า
จุดเปลี่ยนคือเจอเรื่องเทคนิค สมัยนั้นเล่นโดยใช้เงินที่บ้าน ถ้าเสียพ่อแม่ก็คอยSupport ตอนนั้นเล่นตามที่พ่อให้ไม่มาก แต่รู้ว่า ป๋องตั้งใจ เราไม่ฟุ่มเฟือย ซื้อรถตามฐานะ เงินหายาก ใช้แป๊ดเดียวก็หมด เจอพี่ที่เรียนกราฟ ตอนนั้น ดัชนีลงจาก 1700 เหลือ 200 ถ้าใครไปเล่นหุ้นหลังปี 2008 ยังไม่เจอนรกมีจริง cut loss ตอน 400 และตกลงไปเหลือ 200 จริงๆต้อง cut loss ตั้งแต่ดัชนี 1xxx แล้ว
Q: Performance ปีนี้โดยรวมเป็นอย่างไร
A: ย้อนหลัง 6 ปี
ปี 52 โต 160%
ปี 53 โต 150%
ปี 54 โต 3%
ปี 55 โต 60%
ปี 56 โต 45%
ปี 57 โต 40%
ปี 58 โต 0% กำไรนิดหน่อย ถ้าขายหมด port ก็ติดลบ
ปกติจะได้เงินจากนโยบายภาครัฐ มีหุ้นตัวเดียวที่ขึ้นอยู่จาก 2 บาทไปที่ 30 กว่าบาท ไม่รู้ว่าตัวนี้ได้งานเพียงตัวเดียวหรือไร
หุ้นที่ติดอยู่ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นPP เกรงใจ ไม่ขาย และ ก็ไม่มีสภาพคล่องด้วย มีขายทีละหมื่นหุ้นเอง ออกยาก เวลาติดหุ้น ขายไม่ได้ ถ้าติดหุ้นไม่กล้าไปทำอะไร คิดอะไรไม่ออก ควรมีเงินสด 100% ตลาดตอนช่วงดัชนี 1500 ควรขาย แต่ปรากฎว่า 30% ของ port ไม่ขยับ ทำให้อีก 70% ไม่กล้าทำอะไร ปีนี้สรุปว่ายังมึน
หุ้น PB ต่ำbook market share อันดับ1 ไม่รู้ว่าถูกหรือแพง บริษัทสื่อสารอันดับ1 ราคาไม่ไปไหน บางธนาคาร ราคา10 กว่าบาท ต่ำbook ธนาคารที่ปล่อยสินเชื่ออันดับ1 ก็ไม่กล้าซื้อ ช่วงนี้เล่นยาก คุยกับพี่เทิดศักดิ์ ปีนี้ EPS 88.55 PE 16 เท่าปีหน้า
จบที่ 101 จะได้ PE 15 ดัชนีประมาณ 1600 ซื้อก็กล้าๆกลัวๆ
ถ้าดูกราฟรายวัน เป็นรูป W ส่วนกราฟรายเดือน ตัด Zero ลงไป ดูงง ขึ้นแล้ว โดนกระทืบลงมาตลอด
โครงการประกาศแล้ว แต่ราคาไม่ขยับ ดูเหมือนจะดีแล้ว
ลองเข้าไปก็โดน ต้นปีมั่นใจว่าทำจบขา5ใหญ่ ในขา1ยักษ์ คงนับผิด นับ Wave ถ้าผิด จะเหลือแค่ 50%
สรุป จะเล่นได้ดีในขาขึ้น แต่ไม่สามารถเอาเทคนิคส่วนตัวมาเล่นขาลงได้

เซียนคนที่ 5 คุณหมอ พงษ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี
คุณหมอพูดว่า ก่อนการลงทุนอ่านหนังสือมา 2-3 ปี เข้าใจหลักการลงทุน การปรับทัศนคติ เวลาอ่านหนังสือ
เข้าใจว่าเป็นตัวเรา ไม่ต้องพยายามเข้าใจ ธุรกิจเติบโต ราคาหรือมูลค่าต้องมากขึ้น อ่านหนังสือเข้าใจง่าย
โชคดีไม่เจอปัญหาที่หนักหนา ตอนลงทุนค่อยๆเรียนรู้กับมัน เวลาวิกฤตก็โชคดีที่มีเงินสดพร้อมลงทุน
โอกาสเปิด และ มีเงินพอดี ไม่เหมือนคนอื่น ที่ถือหุ้นอยู่
การลงทุนช่วงแรกๆก็มาแนว VI เลย แต่เปลี่ยนประเภทของหุ้นที่ลงทุนไปตามแต่ละช่วงเวลา
Q: 10 กว่าปีที่ลงทุน ตัดสินใจผิดพลาดบ้างไหม
A: ความผิดพลาดก็มีบางเป็นเรื่องปกติ ถ้าถูกตลอดก็น่าแปลกใจ แต่เราเตรียมใจไว้แล้วว่าต้องเจอ และในอนาคตก็ต้องเจออีก แต่เมื่อผิดแล้วมักเจ็บไม่หนัก เลือกถูกก็ได้กำไรมาก และได้เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นๆ
Q:ปีนี้ลงไปแล้ว 10%จากต้นปี ตราบใดเศรษฐกิจok ยังถือได้ แต่ข่าวสารบอกว่าหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น GDP โตน้อย จะยังคาดการณ์ที่ดีได้หรือไม่
A: ที่บอกยังไม่ดีอีก 2-3 ปี มาดูว่าโครงสร้างของเศรษฐกิจจะปรับเปลี่ยนได้หรือไม่ เมื่อก่อน GDP โลกโต 5%
Trade ได้ 10% แต่gap สั้นลง ต่อไปทั้งโลกการค้าขายน้อยลงเป็นภาพใหญ่ ส่งออกได้ต้องเป็นการปรับโครงสร้างของอุตสาหกรรม เป็น High value ขึ้นกับรัฐบาลจะปรับเปลี่ยนนโยบายทำให้สินค้าตรงกับความต้องการของตลาดได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ต้องยอมรับ ส่วน GDP โตต่ำแน่ อีก3ปีถ้าปรับได้อาจโตขึ้น ถ้าไม่ได้ก็โต
2-3% ในภาวะนี้บริษัทในตลาดถูกกระทบ แต่ไม่เท่ากันในแต่ละอุตสาหกรรม บางธุรกิจกระทบมาก อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิคส์ไม่ดี การท่องเที่ยวยังดีอยู่ ธุรกิจที่กินshareในตลาด ก็ยังพอโตได้บ้าง
แต่ละบริษัทไม่โตแรงใน 2-3 ปี ต้องติดตามรัฐบาลว่าสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างได้ไหม
Q: มีการปรับเปลี่ยนหุ้นใน port ไหม
A: จะเก็บหุ้นที่ลงมา ดูเฉพาะหุ้นลงมาพอสมควร ก็ทยอยซื้อ ในช่วงที่ตลาดเหวี่ยงแบบนี้ ไม่ได้ลดportลง จริงๆลดไปแล้วตอนสิ้นปี57 ทยอยซื้อถ้าตกอีก ดูว่าอยู่ในจุดที่เราอยากซื้อไหม
เราขายหุ้นในส่วนที่ราคาขึ้นไปสูง และช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ราคาหุ้นบางตัวต้องอาศัยการซื้อของคนในประเทศ
หาการลงทุนอะไรที่ไม่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ เติบโตได้ดี ปลอดภัย ได้แก่ พลังงานทางเลือก บริษัทที่ได้ PPA จะมีความเสี่ยงน้อย แต่ถึงแม้ได้ PPA แล้วก็ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของวัตถุดิบ ราคาขึ้นสูงมีผลต่อกำไร บริษัทที่ทำพลังงานทางเลือกและมีความเสี่ยงได้แก่ บางบริษัทไม่ได้ PPA หรือ ถ้าได้แต่มีการปรับเปลี่ยนเป็น bidding กำไรจะไม่เหมือนเดิม เลือกตัวที่มันมี Core หลัก เช่น มี PPA และ มี Exiting business เท่าไหร่ เราไม่ควรซื้อเกินราคานี้ เลือกบริษัทที่ downsize risk ไม่เยอะ โครงการใหม่ถ้ามีก็เป็นโบนัส
Utility เป็น Defensive stock โอกาสโตไม่เยอะ แต่ดีกว่าเงินฝากอย่างน้อยได้ cash flowพอใช้ได้ในช่วงที่ชลอตัว
ชอบเพราะมีความมั่นคง แต่ไม่ชอบมาก การแข่งขันสูง Barrier to entry ไม่ดี
IRR ในอดีตดี เป็น missmatch one time ต่อไปไม่เกิดขึ้นแล้ว
Q: มีธุรกิจที่น่าสนใจหรือเปล่า
A: ดีพอใช้ได้ พอมี ราคาไม่ถึงจุดที่น่าสนใจ เช่น การท่องเที่ยว 3-5 ปีน่าจะโต ส่งออกไม่ดี กระตุ้นท่องเที่ยวเร็วสุด ยกเว้นวีซ่า ไม่ต้องใช้เงินมาก ก็กระตุ้นได้แล้ว ต่อไปธุรกิจที่ซื้อ ใช้ ประจำวัน market size ไม่โตมาก แย่งจาก Traditional trade การรักษาพยาบาล พอไปได้ แต่ราคาไม่ถูก

ช่วงที่ 2

คุณ โจ อนุรักษ์ บุญแสวง มาไกลจากหาดใหญ่ มาพูดเรื่องการลงทุนให้เราฟัง
มีใครบอกว่าเราเป็นเซียน แต่เราก็ยังรู้สึกแปลกๆเพราะเราเท้ายังติดดิน เราแค่เอาตัวรอดได้ ตลาดหุ้นเป็นสถานที่ป่าเถื่อน รอดยาก
มีสถิติว่าคนเล่นหุ้นส่วนใหญ่ ขาดทุน เราเป็นคนโชคดี ประสบความสำเร็จพอประมาณ เพราะโชคดีที่เลือก Role Model ได้ถูกคน อาจารย์ที่เราเลือกสำคัญที่สุด นักลงทุนเอก 99 คนทั่วโลก เป็นแนววีไอประมาณ 90กว่าคน 5คนแนว Trader
ในงานนี้แนวพื้นฐาน 7 ท่าน เทคนิค 1 ท่าน เหมือนมี2เส้นทาง ทางนึงปลายทางมีแค่คนเดียวโบกมือรอ ส่วนอีกทางมีคนประสบความสำเร็จ 7 ท่านคอยโบกมือรับ ซึ่งน่าจะมีทางรอดมากกว่า เริ่มต้นถูกต้องดีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว อาจไม่ตื่นเต้น เร้าใจ แต่การันตีว่าไม่อดตายแน่นอน
ข้อผิดพลาดที่เจอ ไม่รังเกียจหุ้นเล็กหรือใหญ่ ส่วนใหญ่จะเจอหุ้นเล็ก เพราะว่าหุ้นตัวใหญ่ คนสนใจเยอะเช่น หุ้น ปตท
นักวิเคราะห์ทั่วโลก เก่งกว่าเรา แต่หุ้นตัวเล็กต้องตามกิจการอย่างสม่ำเสมอ ทุกวันนี้ยังไม่แน่ใจตัวเองว่ารอดอีกนานไหม
การเรียนรู้ต้องขึ้นกับแต่ละคน การตกผลึกความคิดประมาณปีที่ 7-8 เล่นหุ้นได้กำไรเป็นอย่างไร พอปีที่7-8 เกิดสิ่งนึง มหัศจรรย์การทบต้น ปีที่ 1-7 กำไร 60-70% แต่เงินต้นน้อยกว่า 1ล้าน ปีแรกก็ได้แค่ 1.4 ล้านบาท ปีที่2 40% ก็ประมาณ 2 ล้านกว่าบาท กว่าจะเพิ่มนานเกิน ปีที่ชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาลคือ ปี 7-8 ทำได้ดี ฐานสะสมมา 7 ปี พอร์ตโตพรวด เรารวยแล้วเหรอนี่
เหมือนพี่เคน port พันล้าน 10% ก็โตปีละ 100 ล้านแล้ว แต่ถ้ามีแค่ 1 แสน ขึ้น 10% ก็นิดเดียวเอง
เราทำผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผ่านวันนั้นได้ ชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาล มีความมั่นคง
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ กว่าจะสร้างธุรกิจแสนล้าน บางท่านต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วอายุคน เซียน 8 คน ใช้เวลาเท่าไหร่ จะมารวยเร็วๆไม่ได้ ไม่ใช่เพาะถั่วงอก แต่เป็นการปลูกต้นไม้ใหญ่ หาเช้ากินค่ำไม่ยั่งยืน
Q: สิ่งสำคัญ นักลงทุนวีไอหาข้อมูลบริษัท และ ต้องหาจังหวะ หาตัวเร่งให้ port โตขึ้น รอรอบใหญ่ๆจะสร้างเซียนในรอบถัดไปเมื่อไหร่จะมาถึงคะ
A: ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ Timingในการซื้อหุ้นตอนวิกฤตน่าจะมีส่วนให้ผลตอบแทนสูง แต่เป็นแค่ปัจจัยนึง
แต่ไม่ใช่ทั้งหมด จังหวะของวีไอ คือ เจอหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่า ยิ่งเยอะยิ่งจังหวะดี ถ้า MOS ไม่เยอะ ซื้อน้อยๆหน่อย ถ้าเยอะก็จำนำบ้านขายเมียไปซื้อ ผลตอบแทนตลอด 15 ปี ดีต่อเนื่องมาทุกปี ไม่ต้องรอวิกฤติ มันมาเรื่อยๆสม่ำเสมอทุกปี ระยะยาวตลาดหุ้นให้ผลตอบแทน 10% วิกฤตไม่ได้เกิดบ่อย นานๆเกิดครั้งนึง หากโชคดีได้ซื้อหุ้นตอนวิกฤติ ได้กำไร 100%ในปีถัดไป ดูไม่เลว แต่หากผมลงทุนต่อเนื่องทุกปี return 40% ต่อปี ติดต่อกัน 9 ปี ได้ 10-20 เท่า แบบไหนดีกว่ากัน ผมเลือกแบบหลังดีกว่า
นักลงทุนเน้นคุณค่า เมื่อไหร่เจอหุ้นต่ำกว่ามูลค่า เราต้องซัดแล้ว หุ้น 10 บาท หล่นมาที่ 7 บาท ซื้อบ้าง ถ้ามาที่ 5 บาททุ่มเลย
ผลตอบแทน 15 ปี เกิดจากหุ้นนับไม่ถ้วน ตอนนี้ถือ 39 ตัว เคยคุยคุณโจเมื่อมิย ตอนนั้นถือ 42 ตัว แสดงว่าลดบางตัวลงมา
ลินคอร์น เคยพูดว่า ผมเดินช้า แต่ไม่เคยเดินถอยหลัง port โตจากหุ้นตัวเล็กๆ เติบโตมาเรื่อยๆ เหมือนมดสร้างจอมปลวก ต้องใช้เวลานาน

เซียน หมอมุข นพ ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ์ หรือ Paul VI
เซียนหลายคนรับความเสี่ยงได้เยอะ เช่น คุณป๋อง ตัดสินใจเร็ว ส่วนตัวผม กล่าวการขาดทุน การตัดสินใจเชื่องช้า ลงทุนแนวพื้นฐานน่าจะดีกว่า เราสวมวิญญาณของเจ้าของกิจการ เข้าใจวิถีการลงทุน สำคัญคือ ความรู้แนวนักลงทุนนี้ บางทีก็สติแตกได้ ต้องควบคุมทางอารมณ์ในจังหวะดีและแย่ในเวลาที่มีอะไรมากระทบ
ดูหุ้นที่น่าสนใจเก็บไว้ใน Watch list เวลาหุ้นลง ก็เป็นจังหวะที่ซื้อ ตอนข่าวเกี่ยวกับไม่มีมงคล ได้หุ้นราคาดีๆในราคาFloor
ถ้าถึงจุดที่จะขาย อาจ release บางส่วน หรือ Port บวมขึ้นมา อาจจะขายบางส่วนออกมา
Q: มีการลงทุนผิดพลาดในเรื่องอะไรบ้างคะ
A: ความรู้ยังไม่สิ้นสุด ยังมีความรู้เติมมาตลอด มีโอกาสอบรม IOD ในการเป็นกรรมการ ไม่คิดว่ามีความรู้เหมือนน้ำเต็มแก้ว จะไม่รู้เพิ่มขึ้น พยายามเป็นน้ำครึ่งแก้วจะได้เติมความรู้ได้ตลอด ความผิดพลาด เพราะว่าความมั่นใจในช่วงแรกน้อย แค่ใครมาสะกิดก็ขายทิ้งแล้ว เราจำเป็นต้องเลียนแบบสไตล์นั้นหรือเปล่า ตอนเรียนหมอ ไม่ชอบวิชากายวิภาค ผ่าศพ แต่เราต้องการจบเกียรตินิยมต้องทำอย่างไร ต้องปรับ เช่น ถ้าแพ้ฟอร์มาลีน ก็เอาผ้าปิดจมูกซะ ตอนมาเรียนรู้การลงทุนช่วงแรก พูดภาษาการเงินเยอะ มาเสริมจุดที่จำเป็น เช่น อ่านงบการเงินไม่ได้ ก็ต้องเรียนรู้ มีจุดไหนต้องระวังบ้าง ซื้อหนังสือมาอ่าน เรียนcourse TSI ทำตัวเป็นนักเรียน ค่อยๆปรับ อันไหนเป็นจุดที่ดี ก็เก็บไว้ อันไหนไม่ดีก็ปรับออกไป บางทีเจอหุ้นขึ้นลงเยอะๆ
เรียนรู้ข้อผิดพลาดของคนอื่น และ ตัวเรา วิเคราะห์ผิด เข้าใจผิด แต่ออกของได้ ถือว่าโชคดีไป สำคัญผิดพลาดอะไร ต้องเรียนรู้
ในสิ่งที่ผิดพลาด ผิดครั้งแรกหรือครั้งที่สองยังให้อภัย แต่ผิดอีก ต้องหันปรับปรุง เรียนรู้จุดที่ผิดพลาด หรือมองข้ามไป เราสามารถปรับได้
Q: Port โตขึ้นมาจากตัวไหนบ้าง
A: Port กี่ล้าน กี่สิบล้าน หรือ กี่ร้อยล้าน ไม่ทำให้สุข ทุกข์ เป็นแต่แค่ท้าทาย เริ่มต้นหลักแสน จังหวะการลงทุน ได้ทำการบ้าน ลงทุนในช่วงดัชนีที่กำลังไต่ขึ้น การลงทุนในหุ้นที่ถูกตัว ไม่ต้องถ่อมตัว เราสามารถประสบความสำเร็จ ทำอะไรก็ทำเต็มที่เสมอ
ยากลำบากไหม ในระยะแรก โทรไปหา IR ทำการบ้านเยอะ ช่วงนั้นทำงานหมอ จะว่างช่วงเช้า ก็อ่านหนังสือพิมพ์ เข้า Web thaivi ส่วนก่อนนอน ดูหุ้นไหนน่าสนใจ ไมรู้ว่าเหนื่อยขนาดไหน สุดท้ายค้นพบว่า หุ้นที่มี Market Size ต่ำกว่า 1000 ล้านบาท ถูกจริต ไม่มีนักวิเคราะห์คนไหนมาตาม เราไปวิเคราะห์ เจาะลึก คุยกับผู้บริหารไม่ใช่ง่าย คำนวณ DCF หรือ Five Force ไม่เก่งเท่าเขา เราเชื่อเขาหมดใจไม่ได้ ต้องเอะใจ ว่าหยิบ เลือกหุ้นตัวนี้ได้อย่างไร
เราไม่เข้าใจ เกินกว่าความสามารถของเรา เราต้องขยายขอบเขตความรู้ของเราออกไป ค่อยๆศึกษาไปเรื่อยๆ
ผมชอบท่องเที่ยว และ ซื้อคอนโด ทำการบ้านเยอะมากกว่าจะซื้อคอนโด หรือ ใช้เวลาเป็นปีเพื่อวางแผนท่องเที่ยว
หุ้นที่เราศึกษามาอย่างดี แต่ไม่คาดคิดจะเจออะไรบ้าง เช่น ฟ้าสั่งมา ให้น้ำท่วม หลังจากนั้นเจอไฟไหม้อีก
เราเจอทีละตัว Switch ตัวนึงไปอีกตัวนึง เรามีฝ่าย IR ให้เราถาม หรือ ดูข้อมุลจาก Website OPP Day ยังมีรายการเยอะแยก ให้ทำการบ้าน ผมลงทุนหุ้นเติบโตไม่เกิน 4-5 ตัวเอง

เซียนคนสุดท้าย คุณ เคน โสรัตน์ วณิชวรากิจ
คุณเคนมาตอบ เรื่องการเป็นเซียนหุ้น เซียนหมายถึงคนที่เป็นเซียน ฟังแล้วไปวิเคราะห์ต่อ
หลักการ มีอยู่ 7 ข้อ กองหน้า กองกลาง กองหลัง เหมือนมี 7 ดาวเหนือ
กองกลาง เป็น VI ( Value ) and VS ( Value shareholder )
VI 5 ตัว ได้แก่
1. Five force ต้องเจ๋ง และ ดูว่าอุตสาหกรรมเจ๋งขนาดไหน
2. เจ้าของต้องดี เก่ง เป็น พลัง เก่งในกิจการใช่ไหม
3. กิจการต้องมี DCA มีความสามารถในการแข่งขันสูง
4. ธุรกิจเติบโตดี และ ต่อเนื่อง
5. PE ต่ำ

ส่วน VS ผมอยากให้กับคนถือหุ้น ท่านเก่งมากและยังบริโภคอีก เป็นเจ้าของกิจการ มีไอเดียมหาศาล
VI เลือกหุ้นในจังหวะที่เหมาะสม และ ถือแบบ VS ใส่คุณค่าระหว่างที่รอคอย
เป้าหมายไม่ใช่กิจการดีอย่างเดียว เราต้องบอก นั่งคิด ทำการบ้าน ให้เราเก่งขึ้น
กระจายเข้าไปอยู่ในหุ้นตัวนั้น เราเก่งขึ้น หุ้นก็ดีขึ้น
กองหน้า มี 3 ตัว กองหลัง มี 2 ตัว
พุทธของเรามีคุณค่ามหาศาล
IQ คือสิ่งที่ขนานกับ VI สติปัญญาทางด้านซีกซ้าย สิ่งที่ Match ได้ คือ อิทธิบาท4 อิทธิคือทางสู่ความเจริญ ส่วนบาทคือทาง ประกอบไปด้วย
ฉันทะ เราต้องชอบที่จะดูธุรกิจลงทุน
วิริยะ เปรียบเหมือนกับคุณ โจ ลูกอีสาน ดูหุ้นหลายร้อยตัว เพิ่อคัดหุ้น
จิตตะ อันนี้ผมเสริมเอง คือ ตรวจสอบแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ ต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่
วิมังสา ผมเสริมรายละเอียดว่า เมื่อได้ผลสำเร็จดังมุ่งหวัง ก็เกิดปัญญา ในการหาซื้อหุ้นตัวต่อไป
การดูหุ้นอย่างดี ทำการบ้านอย่างดี ไม่ได้ทำกำไรสุงสุด ต้องมี EQ ด้วย เปรียบเหมือนกับ อริยสัจ4
1. ทุกข์ รู้ทุกข์
2. สมุทัย รู้เหตุจากทุกข์ มีอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงเกิด
3. นิโรธ การดับทุกข์
4. มรรค วิธีการดับทุกข์ ประกอบด้วยมรรค 8

ตรงกลางของ VI & VS มีจุดยืน IQ , EQ , PQ ( Positioning ) มีจุดยืนคือ พรหมวิหาร4
มีเมตตา กระจายความรู้ มุทิตา ยากมาก ชมคนอื่นเก่งมาก เราต้องคิด และ ฝึก
อุเบกขา รู้จักการปล่อยวาง การวางจิตให้ดี หุ้นขึ้น ลง ไม่สนใจ
Q: เมื่อไหร่เป็นเซียน
A: ผมคิดตั้งแต่วันแรกเข้าตลาด คนที่ฟ้าส่งมาแบบผม คนเราต้องเกิดความมั่นใจ บอกแม่ว่า “ ม้าโชคดี เทวดาส่งเคนมาช่วยครอบครัว ตอนนี้ แผ่นดินไทยมีเคนช่วย “ ตอนเข้ามา คนเรามีศักยภาพ ฟ้าให้เราใกล้กัน ผมศึกษาเยอะแยะ ทำธุรกิจต่อสู้กับคู่แข่ง พอเริ่มเอาเงินมาลงทุน เราไม่ต้องแข่งใคร ไม่ต้องทำบาป ฝากท่านผู้เกียรติมาฟังผม มีกี่ร้อยล้านตัวของอสุจิ ฟ้าส่งท่านมาเกิด อย่าได้ดูถูกตัวเอง ถ้าเราทำอะไรต้องมั่นใจ ถ้าเราพยายามทำทั้งชีวิต เราต้องทำสิ่งที่ท่านทำไม่ได้ คือตามรู้ลมหายใจ
Q: คนไปทุกงาน ฟังทุกงาน แต่จนเหมือนเดิม
A: โจพูดถึงลินคอร์น เดินช้าไม่เป็นไร แต่ไม่เคยเดินถอยหลัง แต่พุทธเจ้าเราตรัสรู้ ตอนนี้ดูก่อน เธออย่ามองลินคอร์นมากไป
ไม่เคยเดินถอยหลัง แต่เดินอย่างมีสติ ถอยอย่างมีสติ เดินหน้าอย่างมีสติ คนลงทุนต้องระลึกรู้ว่า ทำอะไรอยู่ สัมปัญญะ
มีสมาธิ รู้แจ้ง รู้ว่าตัวเองผิดพลาดช่วงไหน ท่านอย่ามองกำไร ขาดทุน ต้องรู้เหตุ ผล เกิดขึ้นได้อย่างไร
เราไม่เข้าใจ และ ไปตาม เผลอกำไรเป็น การลอกหุ้น ไม่ควรเกิดขึนกับนักลงทุน
การทำอะไร กะเกณฑ์ เช่น คาดการณ์ผลกำไร แล้วรู้ว่า เป็นจุดเริ่มต้น เราจับจุดได้ หุ้นกำไรขึ้นมาด้วยหุ้นกี่ตัว
6-7 ปี ลงทุนหุ้นแค่ 5 ตัว หุ้นที่ลงทุนต่ำกว่า 5% ไม่ถือว่าเป็นการลงทุน เป็นการเก็งกำไร 5 ตัวที่ลงทุนอย่างมีนัยยะ
ใช่เลย ลงทุนไปเยอะๆ พอ port ใหญ่ขึ้น การได้เงินมา ต้องมาจากปัญญา 11 ตัว เป็นวิธีการสงบสุขตน ทำให้การลงทุน
กำไรสูงปื๊ด สุดท้าย ประโยชน์ที่สำคัญ เงินนั้นเอามาได้ด้วยวิธีไหน จำนวนเงินไม่ใช่ประเด็น