หุ้นธรรมดา กำไรไม่ธรรมดา / คนขายของ

เมื่อสิบปีก่อน ในปี 2005 ดัชนี Dow Jones อยู่ที่ราวๆ 10,000 จุด ผ่านมา 10 ปี ในตอนนี้ ดัชนีมาอยู่ที่ประมาณ 16,000 จุด หรือ เพิ่มขึ้นราว 60% จากเมื่อสิบปีที่แล้ว จากการศึกษาหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในระดับสูงสุด 40 อันดับที่มีมูลค่ากิจการมากกว่า 1 พันล้านเหรียญขึ้นไปพบว่า ราคาของหุ้นเหล่านั้นปรับขึ้นไปสูงกว่าดัชนีมาก โดยผลตอบแทนของหุ้นเหล่านี้อยู่ในช่วง 8-65 เท่า เมื่อดูลงไปในรายละเอียดพบว่า หุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่ม “Top Performers” นี้อยู่ในอุตสาหกรรมที่มักมีการลงทุนในเทคโนโลยี และงานวิจัยเป็นจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมยา ไบโอเทค และ ไอที แต่ในขณะเดียวกัน กลับมีหุ้นบางตัว ที่อยู่ในอุตสาหรรมที่ดูธรรมดา และอาจจะอิ่มตัวแล้ว เช่น ร้านอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องครัว กลับแทรกตัวขึ้นมาอยู่ในกลุ่มนี้ได้ บริษัทเหล่านี้มีอะไรดีจึงสามารถสร้างผลตอบแทน ให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างมหาศาลในรอบสิบปีที่ผ่านมา?

Buffalo Wild Wings ร้านอาหารที่เมื่อสิบปีที่แล้วมีมูลค่ากิจการราวหนึ่งหมื่นล้านบาท โตมาเป็นแสนล้านบาทในสิบปีโดยการเน้น “นวัตกรรม” บริษัทขายอาหารปีกไก่อบซ๊อสแต่มีซ๊อสให้เลือกมากมายหลายรสชาติต่างกับคู่แข่ง นอกจากนั้นยังเน้นเรื่องบรรยากาศในการรับประมานอาหาร ผู้บริหารเข้าใจ ผู้บริโภคชาวอเมริกันเป็นอย่างดีว่าชอบดูกีฬา จึงจัดร้านให้มีบรรยากาศเหมาะสมกับการเชียร์กีฬาร่วมกันของผู้ที่มาทานอาหาร มีจอหลายจอสำหรับดูการถ่ายทอดที่อาจจะเกิดขึ้นพร้อมกัน มีเกมส์ให้ download ไว้เล่นระหว่างรอพักครึ่ง และผู้ที่มาทานอาหารสามารถใช้ “แท๊บเล็ต” ที่ถูกติดตั้งไว้ ในการสั่งอาหาร ไม่ต้องรอคอยพนักงานเสริฟเป็นเวลานาน

Monster Beverage บริษัทขายเครื่องดื่มให้พลังงาน (Energy Drink) ซึ่งมีส่วนแบ่ง การตลาดอยู่เป็นอันดับสองรองจาก “Red Bull” ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 20เท่า ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้น “Apple” ของ Steve jobs เสียอีก ตลาดเครื่องดื่มให้พลังงาน ในสหรัฐอเมริกา มีอัตรา การเติบโตที่สูงมากในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา จากมูลค่าตลาดรวมราว 300 ล้านเหรียญในปี 2000 มาเป็น 9,000 ล้านเหรียญในปัจจุบัน บริษัทมีการกระจายสินค้าที่ครอบคลุม และมีการพัฒนารสชาติใหม่ๆ ออกมาเสมอ โดยตอนนี้มีออกมามากกว่า 10 รสชาติ Coca-Cola เห็นศักยภาพของบริษัทนี้ และได้มาร่วมลงทุนถือหุ้นราว 15% ซึ่งก็น่าจะช่วยให้ Monster กระจายสินค้าไปในต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วในอนาคต

Middleby Corp ร้านขายเครื่องครัวให้แก่เครือข่ายร้านอาหารชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็นประเภท กาแฟ เบอร์เกอร์ พิซซ่า โดนัท ล้วนเป็นลูกค้าของบริษัท Middleby ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่การช่วยลูกค้าลดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไฟ ค่าน้ำ และค่าพนักงงาน ทำให้ลูกค้า ให้ความไว้วางใจในบริษัทเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นบริษัทยังเน้นกลยุทธ์ในการทำ M&A โดยจะเข้า ไปซื้อหุ้นของบริษัทผลิตเครื่องครัวต่างๆ เพื่อสร้างอาณาจักรแบรนด์ด้านเครื่องครัว เป็นศูนย์รวม ทุกผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า ด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดทำให้ราคาหุ้นจะขึ้นมาได้ 8 เท่าในสิบปี

บริษัทที่ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในระดับสูงเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน จากการศึกษาดูในรายละเอียดพบว่า มักมีส่วนที่คล้ายคลึงกันคือ หนึ่ง เป็นผู้นำ ใน “segment” ที่ตัวเองทำธุรกิจอยู่ สอง บริษัทเหล่านี้จะเน้นเรื่องของ “นวัตกรรม” โดยจะมี ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาสู่ตลาดเสมอ และ สาม บริษัทเหล่านี้มักจะอยู่ในกระแสที่เรียกว่า “Mega Trend” เช่น ผู้คนมีแนวโน้มทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น หรือ ผู้คนสนใจในการเล่นกีฬามากขึ้น แต่เมื่อเราย้อนกลับไปมองบริษัทเหล่านี้ในแง่อัตราส่วนทางการเงินเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เรากลับพบว่า หุ้นเหล่านี้ล้วนมีค่า PE สูงเกิน 20 เท่า เงินปันผลก็ไม่มี นักลงทุนหลายๆท่านคงเห็นว่าบริษัทเหล่านี้แพงมาก ไม่น่าลงทุน เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน ผมคิดว่านักลงทุนควรพิจารณา “Potential Markets” ของบริษัทประกอบการพิจารณาด้วย อย่างร้านอาหาร Buffalo Wild Wings เมื่อประสบความสำเร็จในเมือง ก็สามารถขยายไปในรัฐ ในภูมิภาค ในประเทศ หรือ แม้กระทั่ง ไปต่างประเทศได้อีก นอกจากนั้นควรพิจารณาว่ากลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทนั้นสามารถทำได้จริงไหม สมเหตุสมผลหรือเปล่า โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า การพิจารณาอัตราส่วนทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในทางกลับกัน หากติดอยู่กับตัวเลขอย่างเดียว ไม่พิจารณาส่วนอื่นประกอบด้วย อาจจะทำให้ นักลงทุนพลาดโอากาสทองไปได้เหมือนกัน